Matt Jansen
อุบัติเหตุที่เปลี่ยนชีวิตของ Matt Jansen
มีนักเตะจากลีกรองแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ เซอร์ อเล็กซ์เฟอร์กูสัน จะให้ความสนใจจริงจังจนถึงขั้นอยากดึงตัวมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แต่ Matt Jansen แมตต์ แจนเซ่น ตัดสินใจปฏิเสธโอกาสนั้น แถมไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ทว่า ถึง 2 ครั้งด้วยกัน
แมทธิว บรูค Jansen หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ Matt Jansen นั้น เป็นอดีตกองหน้าฝีเท้าดีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในช่วงปลายยุค 90 ถึงต้นมิลเลนเนียม เขาเริ่มถูกจับตามองตั้งแต่เล่นให้ คาร์ไลสล์ ยูไนเต็ด เมื่อยิงได้ถึง 13 ประตูจาก 31 นัด บนวัยที่ยังไม่ถึง 20 ปี
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ Jansen ก็คือทักษะการยิงประตูที่ค่อนข้างหวือหวากว่านักเตะอังกฤษทั่วไป เขามีเท้าซ้ายที่สัมผัสบอลแรกดี และมีเทคนิคความสามารถเฉพาะตัวเข้าขั้นยอดเยี่ยม จึงทำให้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในวันที่ยังไม่ติดยศอัศวินถึงกับลงทุนติดต่อขอซื้อตัวมาร่วมทีม แม้ว่านักเตะจะเล่นในดิวิชั่น 3 ก็ตาม
” Ferguson ติดต่อมาจริงในปี 1998 แต่ผมต้องการโอกาสในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งที่ Manchester United ไม่สามารถให้ได้”
Jansen ปฏิเสธปีศาจแดงพร้อมกับเลือกย้ายมาอยู่กับ คริสตัล พาเลซ ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ ซึ่งเขาเองก็โชว์ฟอร์มได้ดีเสียด้วย เมื่อจัดการยิงได้ 10 ประตูจาก 23 นัด สำหรับการกระโดดจาก ดิวิชั่น 3 ขึ้นมาเล่นในลีกดิวิชั่น 1 (แชมเปี้ยนชิพในปัจจุบัน) แถมเขายังรั้งอันดับ 2 ดาวซัลโวของทีมอีกด้วย
แต่เนื่องจากปัญหาทางการเงิน พาเลซ จึงจำเป็นต้องขายสตาร์ประจำทีมออกไปเพื่อพยุงสถานะของสโมสร และทันทีที่ เฟอร์กี้ รู้ข่าว บรมกุนซือของปีศาจแดงที่เพิ่งพาทีมคว้า 3 แชมป์มาหมาด ๆ จึงได้ยื่นขันหมากมาสู่ขออีกรอบ
“ตอนนั้นผมอยากย้ายไปอยู่กับ Sir Alexander Chapman Ferguson นะ
แต่ดีลไม่เกิดขึ้นเพราะทาง แบล็คเบิร์น ให้ค่าตัวสูงกว่า
ซึ่งนั่นเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ที่ประตูสำหรับการย้ายไปอยู่กับปีศาจแดงเปิดรอผม แล้วจากนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย”
แม้จะเล่นในดิวิชั่น 1 กับ แบล็คเบิร์น แต่ดูเหมือนว่าฝีเท้าของ Jansen ก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะในฤดูกาล 2000–01 ที่พาทีมเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แถมตัวเขายังยิงได้ถึง 23 ประตู รั้งดาวซัลโวของทีมและได้อันดับ 2 ดาวซัลโวลีก เป็นรองเพียงแค่ หลุยส์ ซาฮา คนเดียวเท่านั้น
เมื่อได้เล่นในพรีเมียร์ลีกเต็มตัวเป็นครั้งแรก Jansen กลายเป็นสตาร์เด่นของทัพกุหลาบไฟอย่างเต็มตัว เขายิงในลีกไป 10 ประตู
และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ ได้อีกต่างหาก
“ชื่อของผมถูกพูดถึงหนาหูอีกครั้ง โดยเฉพาะกับการที่มีโอกาสถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นในฟุตบอลโลก
ซึ่งตอนนั้นผมก็แอบคาดหวังเอาไว้ลึก ๆ เหมือนกันนะ เพราะผมได้รับเชิญให้ไปงานปาร์ตี้ของ david beckham ซึ่งมีแต่นักเตะในแคมป์ทีมชาติที่ได้รับเชิญไป”
แต่จุดเปลี่ยนในชีวิตของ Jansen เกิดขึ้นจากจุดนี้นี่แหละครับ
เมื่อประกาศรายชื่อออกมา ปรากฏว่า สเวน โกรัน อีริคส์สัน เลือกตัด Matt Jansen ออก แล้วใส่กองหลังสำรองเข้าไปในทีมแทน
จึงทำให้ Jansen หนีไปหลบเลียแผลใจด้วยการพาแฟนสาวไปเที่ยวที่อิตาลีแทน โชคร้าย!
Matt Jansen กับแฟนสาวของเขาประสบอุบัติเหตุจนปางตายจากการขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนกับแท็กซี่
และตัวเขาเองก็อยู่ในอาการโคม่านานถึง 6 วันพร้อมกับมีเลือดคั่งในสมองอีกด้วย
“เราเช่าสกู๊ตเตอร์คันเล็ก ๆ พร้อมหมวกกันน็อค 2 ใบแล้วขี่รถเล่นรอบกรุงโรม เราไปที่โคลอสเซียม
ไปพิพิธภัณฑ์ น้ำพุเทรวี่ ทุกอย่างราบรื่นมากในวันแรก” Jansen
รื้อความหลังในวันนั้นวันที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปในพริบตา
วันที่ 2 ของการหลบไปเลียแผลใจที่อิตาลีของ Jansen และ ลูซี่ แฟนสาวของเขา ทั้งคู่ขี่รถออกมาจากโรงแรมได้ไม่ไกลแล้วก็พบว่า ลูซี่
ไม่ได้เอาหมวกกันน็อคติดตัวมาด้วย ทั้งคู่ถูกตำรวจเรียกและสั่งให้กลับไปเอาหมวกที่โรงแรมเนื่ิองจากพวกเขาเพิ่งขี่ออกมาได้ไม่ไกลนัก
Jansen ตัดสินใจขี่รถกลับไปที่โรงแรมเพื่อเอาหมวกกันน็อค ในคราวแรก เขาถอดหมวกของตัวเองเพื่อที่จะให้ ลูซี่
ใส่ แต่เธอปฏิเสธเพราะ Jansen ที่เป็นคนขี่สมควรใส่มากกว่า และอีกอย่างโรงแรมก็อยู่แค่ 600 เมตร ใกล้ ๆ แค่นี้เอง
“เราขี่กลับมาและถึงแยกใกล้กับโรงแรม มันเหลืออีกแค่ 50 เมตรเท่านั้น
แล้วแสงไฟจากรถแท็กซี่ก็สาดเข้ามาที่ผม ภาพที่จำได้คือ ลูซี่ กระเด็นออกไปจากรถและผมก็หมดสติอยู่ตรงนั้น”
“ทุกคนนึกว่าผมตายไปแล้ว ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอและพูดว่า -กำมือฉันไว้ Matt ช่วยกำมือฉันไว้ที –
ผมกำมือเธอเหมือนเป็นสัญญาณให้รู้ว่าผมยังอยู่ แล้วจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”
Matt Jansen อยู่ในอาการโคม่านานถึง 6 วัน เมื่อพ้นขีดอันตราย หมอเจ้าของไข้แนะนำกับเขาว่าให้หยุดเล่นฟุตบอลอย่างน้อย 2 ปี แต่ด้วยความที่เขากำลังอยู่ในวัยแค่ 24 Jansen ประเมินร่างกายตัวเองต่ำเกินไป เขาไม่สนใจคำแนะนำนั้นก่อนจะใช้เวลาพักฟื้นแค่ 6 เดือนแล้วรีบสวมสตั๊ดกลับมาล่าตาข่ายทันที
ดาวยิงหน้าหล่อยอมรับว่า สัญชาตญาณของเขาหายไป และในหลาย ๆ ครั้ง สมองกับร่างกายก็เริ่มไม่ค่อยทำงานสอดคล้องเหมือนก่อนได้รับอุบัติเหตุ
“ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันคือช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของผม”
จากคนที่เคยมีฝีเท้าเอกอุ พอร่างกายไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ดังใจ ความเครียดก็เริ่มกวักมือเรียก ก่อตัวจนทำให้เขากลายเป็นคนที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา
2 ฤดูกาลหลังจากอุบัติเหตุ Jansen ยิงในลีกได้เพียงแค่ 5 ประตู ยิ่งเข้าสู่ฤดูกาล 2004–05 เขาถูกลดความสำคัญลงไปเรื่อย ๆ เสื้อเบอร์ 10 อันเป็นเบอร์ประจำตัวถูกริบไปให้ พอล ดิ๊กคอฟ ใส่แทน และตัวเขาก็ยิ่งสะสมความเครียด ความวิตกจนต้องไปพบกับจิตแพทย์เพื่อช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ
“แฟนบอลให้กำลังใจและอยู่ข้างผมเสมอ นั่นเลยยิ่งทำให้ผมกลัวที่จะต้องลงไปเล่น
กลัวทำพลาด ผมแทบอยากหายตัวไปเลยด้วยซ้ำ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำลายผมไปจนหมดสิ้นทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ
ผมไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว นั่นเลยทำให้ผมเกลียดตัวเองมาก และมันเลยเถิดจนถึงขั้นที่เกือบจะฆ่าตัวตายเลยด้วยซ้ำ”
“ผมนอนร้องไห้ทุกคืน สตีฟ ปีเตอร์ส นักจิตวิทยาที่ผมปรึกษาในช่วงนั้นให้คำแนะนำว่า
จิตใจของมนุษย์ก็เหมือนลิงลิมแปนซี เราทุกคนมีลิงตัวนี้อยู่ข้างใน ในเวลาปกติเราจะสามารถควบคุมมันได้โดยง่าย
แต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มไม่ปกติ ลิงตัวนี้จะควบคุมได้ยาก เหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่ซุกซนไม่อยู่กับที่”
“เขาบอกว่าลิงชิมแปนซีของผมกำลังเป็นลบ และมีขนาดใหญ่ขึ้นจนควบคุมผม แทนที่ผมจะเป็นคนควบคุมมัน”
หลังจากพบจิตแพทย์ Jansen ก็เริ่มดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ทุกอย่างใช้เวลายาวนาน คนภายนอกมองเขาว่าปกติดีทุกอย่าง
แต่ความจริงแล้วเขาต้องต่อสู้กับจิตใจตัวเองหนักหน่วง อ่านข่าวกีฬามัน ๆ ได้ที่ Ambbet ขอบคุณครับ
ปี 2006 Jansen ตัดสินใจย้ายออกจาก แบล็คเบิร์น ไปอยู่ที่ โบลตัน ทิ้งความทรงจำอันสวยงามไว้ที่ อีวู้ด ปาร์ค ด้วยจำนวน 58 ประตูจาก 121 นัด
และในช่วงท้ายอาชีพ เขาย้ายไปอยู่กับ ชอร์เล่ย์ ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดในปี 2014 และรับหน้าที่เป็นกุนซือของทีมต่อเลยในปี 2015
เมื่อถูกถามว่าเสียใจอะไรบ้างในอาชีพการค้าแข้งที่ผ่านมา Jansen ยอมรับว่าการตัดสินใจปฏิเสธ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 2 ครั้ง
รวมถึงอุบัติเหตุที่อิตาลี คือสิ่งที่เขาเสียใจและอยากกลับไปแก้ไขมัน แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งก็พอ
“หากผมย้ายไปปีศาจแดง ผมอาจไม่ถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติอังกฤษก็ได้ แล้วผมก็จะไม่ต้องไปอยู่ที่อิตาลีในวันนั้น”
“มันเป็นแค่ความคิด ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ผมพอใจกับตัวผมเองที่เอาชนะอุปสรรคนั้นมาได้ มันเป็นรางวัลชีวิตที่ผมคิดว่าผมมองกลับไปและภูมิใจกับมันได้
แม้จะไม่ประสบความสําเร็จอย่างที่ฝันก็ตาม” สิงห์อีซ้ายของกุหลาบไฟทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม
ปัจจุบัน Matt Jansen ทำหน้าที่เป็นสตาฟฟ์ของทีม สต็อคพอร์ต ซิตี้ โดยดูแลในส่วนของการสรรหานักเตะ
ชีวิตของเขาหลังผ่านมรสุมถือว่ามีความสุขดี เขาแต่งงานกับ ลูซี่ และมีลูกด้วยกัน อีกทั้งในปี 2019 ยังออกหนังสือชีวประวัติของตัวเอง
ออกมาอีก 1 เล่ม แถมยังได้รับความสนใจจากแฟนบอลอย่างคับคั่งเหมือนตอนเป็นสตาร์ดังไม่มีผิด
เพราะการก้าวไปข้างหน้าสำคัญกว่าการจมกับอดีต
แบบที่ Matt Jansen ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง แม้จะมีอดีตที่ปวดร้าวในใจมากแค่ไหนก็ตาม