Tottenham Spurs
การกลับมาของ Tottenham Spurs ในเกมเมื่อกลางสัปดาห์คงเป็นความสุขที่สุดของแฟน Spurs ..
ไม่เพียงแค่ผลการแข่งขันที่รัวแซงในนาทีที่ 90+5 กับ 90+7 เท่านั้นหรอกครับที่ชวนให้พวกเขารู้สึกชุ่มฉ่ำ หากยังการแสดงออกของนักเตะด้วยที่ยิ่งน่าประทับใจ
วินาทีที่ สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น ยิงตีเสมอ 2-2 สิ่งที่นักเตะ Spurs ทำไม่ใช่การรุมกอดดีใจ
ที่ทำประตูสำคัญได้ในวินาทีชี้เป็นชี้ตาย หากแต่เป็นการวิ่งเข้าไปเก็บบอลที่ก้นตาข่ายเพื่อเอามาให้เลสเตอร์ ซิตี้ เจ้าบ้านเขี่ยให้เร็วที่สุด
เบิร์กไวจ์นซัดตูมเดียวเข้าประตูแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปเก็บบอลทันที มี แฮร์รี่ เคน วิ่งตามเข้าไปด้วย
ดาวเตะดัตช์เก็บบอลไม่ได้เพราะติด แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ขวางเอาไว้แต่เคนมาช่วยดันนายประตูจิ้งจอกไปติดตาข่ายหลังประตูให้เพื่อนคว้าบอลวิ่งกลับไปตั้งจุดกลางสนามได้
ภาษากายแบบนี้บอกได้อย่างเดียวว่า กูมาเพื่อชนะ ไม่ได้พอใจแค่ประตูตีเสมอวินาทีสุดท้าย.. กูมาเพื่อชนะโว้ย!
ประตูนั้นไม่ใช่ลูกตีไข่แตกไล่จากที่ตามหลัง 2 ลูกลงมาเหลือลูกเดียว ไม่ใช่ประตูปลุกความหวังในเกมชี้ชะตาตัดสินแชมป์ แย่งพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือหนีตกชั้นที่ทีมต้องการชัยชนะเท่านั้น
มันไม่ใช่สถานการณ์อย่างนั้นเลย แน่นอนก่อนเตะ Tottenham ย่อมอยากชนะ ใครก็อยากจะลงสนามไปเพื่อชนะ แต่ในเกมลีกธรรมดานัดหนึ่งที่ไม่ได้มีเดิมพันในฐานะเกมตัดสินชะตากรรมอะไร สิ่งที่นักเตะ Tottenham ทำหลังตีเสมอ 2-2 จึงน่าประทับใจอย่างยิ่ง
การโกงความตายได้อย่างนี้อารมณ์ดีใจสุดเหวี่ยงย่อมต้องระเบิดออกมา มันจะไม่น่าแปลกใจเลยถ้านักเตะไก่เดือยทองจะวิ่งไปกระโดดทับเบิร์กไวจ์นกันจนเป็นเนินย่อมๆ อย่างที่เราเห็นกันจนชินตา ก่อนที่กรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาเมื่อเลสเตอร์เอาบอลมาเริ่มเขี่ยใหม่ แบ่งแต้มกันไป
ยอมรับตามตรงครับว่าคาดไม่ถึง การยิงตีเสมอนาทีสุดท้ายของการทดเวลาแล้วนักเตะยังวิ่งเข้าไปเอาบอลมาตั้งจุดเขี่ยเพื่อต้องการเอาชนะให้ได้ในเกมนี้คือภาพที่ผมคิดไม่ถึง.. ก็กูจะเล่นเพื่อชนะอะใครมีปัญหาอะไรไหม
เป็นความมุ่งมั่นและบุคลิกที่แข็งแกร่งมากครับ
นอกจากจะชื่นชมทัศนคติของนักเตะ Tottenham แล้วผมยังอยากจะยกเครดิตให้ อันโตนิโอ คอนเต้ ด้วย
ความกระตือรือร้นและแรงปรารถนาที่จะเป็นผู้ชนะตลอดเวลาของเขาถ่ายทอดลงไปสู่ตัวลูกทีมชัดเจนในเกมนี้
มันคือแคแร็กเตอร์ของความเป็นผู้ชนะ คือการแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะก้าวไปให้ถึงจุดสูงสุด ผมคิดว่าแฟนบอล Tottenham ก็คงประทับใจและชื่นใจกับจังหวะนี้มากๆ เช่นกัน
แน่นอนครับงานของคอนเต้ยังเหลืออยู่อีกมาก การปลุก Tottenham ให้กลับมาเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลน่าตื่นตาตื่นใจ เต็มไปด้วยไฟแห่งความทะเยอทะยาน และลงสนามเพื่อเป้าหมายที่จะเป็นที่หนึ่งนั้นต้องอาศัยความทุ่มเทและอุทิศตนให้ถึงที่สุด
ไม่ใช่งานที่ต้องลงแรงร้อยเปอร์เซนต์หากแต่เป็นต้องลุยแหลกร้อยยี่สิบร้อยห้าสิบเปอร์เซนต์
ต้องทุ่มให้สุดตัวไม่อย่างนั้นพาทีมไปถึงจุดนั้นไม่ได้หรอก
อันโตนิโอ คอนเต้ กำลังทำอย่างนั้น เหมือนที่เขาเคยทำในที่อื่น ๆ ทั้งยูเวนตุส เชลซี
และ อินเตอร์ มิลาน แน่นอนครับ Tottenham ยังต้องปรับแต่งอีกพอสมควรทั้งรายละเอียดการเล่น คุณภาพนักเตะ และหัวใจแห่งความเป็นผู้ชนะ
ทุกคนรู้ดีว่ามันยังต้องสม่ำเสมอกว่านี้ เกมนี้ดีเกมหน้าแย่ เกมนี้ชนะเกมต่อไปแพ้ เกมนี้ร้องไห้เพราะปลื้มแต่เกมถัดมาน้ำตาไหลพรากเพราะเปลี้ย เรื่องแบบนี้ต้องลดลงจนหมดไปให้ได้
Spurs ต้องการเปลี่ยนจากทีมที่ก้มหน้ารับสภาพมาเป็นทีมที่พุ่งสมาธิไปที่แชมป์เท่านั้น และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมบอร์ดบริหารถึงเลือกคอนเต้ คนที่อัดแน่นไปด้วยบุคลิกของผู้ชนะ
ภาพที่เกิดขึ้นในคิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยมเมื่อคืนวันพุธนั้นเป็นภาพที่กระจ่าง มันทำให้ความหวังเกิดขึ้นอีกครั้ง
การได้เห็นนักเตะของตัวทุ่มเทสุดกำลัง วิ่งแบบถวายหัว เล่นเพื่อชัยชนะและสู้เพื่อตราสโมสรที่ประดับอยู่บนหน้าอก.. แฟนบอลคงไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ชัยชนะเหนือ เลสเตอร์ ซิตี้ คือ 90 นาทีที่เราได้เห็นอะไรจาก Tottenham มากกว่าแค่สามคะแนนจริงๆ หลังจากนี้ก็อยากจะเห็นเหมือนกันครับว่าถ้าคอนเต้สามารถทำให้ลูกทีมของเขาวิ่งไปด้วยเป้าหมายเดียวกันได้ในที่สุด ไก่เดือยทองตัวนี้จะดีได้แค่ไหนกันนะ..